วันพฤหัสบดีที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2559

อาหารเพื่อสุขภาพ


อาหารเพื่อสุขภาพ (Functional Food) หมาย ถึง อาหารที่รับประทานเข้าไปแล้วสามารถสร้างประโยชน์ แก่ร่างกายและส่งผลไปถึงจิตใจได้ จึงควรมีลักษณะเป็นอาหารไขมันต่ำขณะเดียวกันต้องมี คอเลสเทอรอลต่ำ และมีเส้นใยอาหารสูง


เมนูอาหารเพื่อสุขภาพ เป็นรายการอาหารที่ภายในมีอาหารเพื่อสุขภาพอยู่ในเมนูอาหารเพื่อสุขภาพ ก่อนอื่นเรามาดูถึง ความหมายของอาหารเพื่อสุขภาพ ว่าหมายถึงอะไร อาหารเพื่อสุขภาพหมายถึงอาหารที่ประกอบไปด้วยสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย เมื่อเรารับประทานอาหารเพื่อสุขภาพเข้าไป จะได้รับสารอาหารและประโยชน์จากอาหารนั้น เนื่องจากว่า อาหารเพื่อสุขภาพได้รับการคัดเลือกสิ่งที่จะนำมาทำเป็นอาหารแล้วว่า เป็นสิ่งที่ดีมีประโยชน์ต่อร่างกาย


เมนูอาหารเพื่อสุขภาพ ประกอบไปด้วย รายการอาหารต่าง ๆ ที่มีคุณประโยชน์ต่อร่างกาย การคัดเลือกวัตถุดิบที่ดีกว่าและเหมาะสมเพื่อนำมาทำเป็นอาหารเพื่อสุขภาพ เช่น แทนที่จะใช้ข้าวขาวธรรมดาก็เลือกที่จะใช้ข้าวกล้อง หรือข้าวซ้อมมือมาเป็นวัตถุดิบหลักในเมนูอาหารเพื่อสุขภาพ

ต้องรู้จักเลือกใช้และไม่เลือกสิ่งที่มีผลเสียต่อร่างกายออกไป ไม่นำมารวมในเมนูอาหารเพื่อสุขภาพ เช่น กากหมูหรือหมูสามชั้น จะไม่นำมาทำเป็นรายการอาหารในเมนูอาหารเพื่อสุขภาพ เนื่องจากเป็นวัตถุดิบที่นำมาปรุงอาหารแล้ว ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อร่างกาย แต่กลับจะมีโทษคือ ถึงแม้ร่างกายจะต้องการไขมันเพื่อสร้างความอบอุ่นให้ร่างกาย แต่การบริโภคหมูสามชั้นจะได้ไขมันส่วนเกินมากเกินกว่าจำนวนที่ร่างกายต้อง การ จึงทำให้เกิดการสะสมไขมันส่วนเกินเหล่านี้ในร่างกาย ทำให้เกิดผลเสียกับร่างกายมากกว่าผลดี ดังนั้นในเมนูอาหารเพื่อสุขภาพจึงเลี่ยงไม่ใช้หมูสามชั้น กากหมูในการประกอบอาหารแต่จะเปลี่ยนไปใช้สิ่งที่สามารถทดแทนได้และให้ ประโยชน์มากกว่า



เมนูอาหารเพื่อสุขภาพ จะประกอบไปด้วยของดีมีประโยชน์เช่น พวกธัญพืชต่าง ๆ น้ำมันงา ผักและผลไม้ โปรตีนจากถั่ว เนื้อปลาทะเล ฯลฯ สิ่งเหล่านี้มักอยู่ในเมนูอาหารเพื่อสุขภาพเพราะเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ต่อ ร่างกาย

ควรจะศึกษาให้เข้าใจว่าวัตถุดิบที่ใช้ในการประกอบอาหารแต่ละอย่าง มีคุณสมบัติ ประโยชน์ และโทษต่อร่างกายอย่างไร เพื่อนำมาใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจทำเมนูอาหารเพื่อสุขภาพ เพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่เป็นประโยชน์ในปริมาณที่พอเหมาะไม่มากไป หรือน้อยไป เพื่อให้ได้รับประโยชน์จากเมนูอาหารเพื่อสุขภาพอย่างเต็มที่


Night Eating Syndrome

        กินอาหารกลางคืน (Night Eating Syndrome) คงเป็นพฤติกรรมที่หลายคนกำลังเป็นอยู่ แต่คุณรู้หรือไม่ว่ามันจะทำให้ร่างกายทรุดโทรมเร็ว คนที่ชอบกินอาหารกลางคืนจนติดเป็นนิสัยหรือจะเรียกอีกอย่างว่า"นักบริโภคยามรัตติกาล" หากมีพฤติกรรมเช่นนี้ต่อเนื่องไปเป็นเวลานานจนเกิดเป็นความเคยชินที่ไม่ดีจะทำให้นาฬิกาชีวิต(Biological Clock) ในร่างกายเกิดอาการเรรวนไปทำให้เกิดอาการนอนไม่หลับ ท้องอืด ตื่นสาย กรดในกระเพาะไหลย้อนขึ้นมาและเป็นโรคกระเพาะอาหาร ฯลฯ

       การกินอาหารมื้อดึกหรือกินกลางคืนจะทำให้ร่างกายทำงานหนักขึ้นกว่าปกติ
       เหมือนกับการทำงานล่วงเวลา (Overtime) แทนที่ร่างกายจะได้พักผ่อนกลับต้องมาย่อยอาหารมื้อดึกที่มักจะเป็นมื้อใหญ่เสียด้วย โรคต่างๆที่จะเกิดตามมาสู่คุณจะเริ่มจากโรคอ้วน (Obesity) ตามมาติดๆด้วยโรคความดัน เบาหวาน (Diabetes Mellitus) ฯลฯ สุขภาพของคนที่ติดกินดึกจะทรุดโทรมลงอย่างรวดเร็วจนน่าเป็นห่วง

       การสังเกตว่าคุณเป็นคนที่ชอบกินอาหารมื้อดึก (Night Eating)
       หรือไม่ให้สังเกตจากมื้อเช้าจะไม่ค่อยอยากกินอะไรเพราะอิ่มจากการกินตุนเอาไว้จากเมื่อคืน กว่าจะกินอาหารมื้อแรกของวันก็ปาเข้าไปเที่ยงวันหรือรวบยอดเป็นมื้อบ่ายไปเลย ส่วนมื้อต่อไปก็จะเป็นมื้อหลังจากเลิกงานไปเลยอาจจะเป็นเวลาตั้งแต่ 2 ทุ่มขึ้นไปนั่นคือจะกินอย่างเอาจริงเอาจังเลยในมื้อนี้ คนที่ติดกินดึกมักจะนอนไม่ค่อยหลับในตอนกลางคืนเลยมาหลับนกในเวลากลางวันและรูปร่างของคนที่ติดกินดึกจะเป็นคนเจ้าเนื้อและขาดความมั่นใจในรูปร่างทรวดทรงของตนเอง

       การแก้ไขหรือรักษาอาการติดกินอาหารกลางคืน
       ทำได้โดยพยายามปรับพฤติกรรมการกิน (Eating Behavior) ให้ได้ซึ่งเป็นการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุเลยแต่มักจะทำได้ยากอาจต้องใช้เวลาค่อยๆปรับพฤติกรรมการกินแบบค่อยเป็นค่อยไประหว่างนี้อาจหาตัวช่วยโดยการรู้จักเลือกกินอาหารที่ช่วยสร้างสารเมลาโทนิน (Melatonin) หรือกินอาหารที่ทำให้ร่างกายเกิดการผ่อนคลายช่วยให้ง่วงเช่น แกงขี้เหล็กหรือข้าวโพดที่จะช่วยให้ร่างกายง่วงนอนได้โดยธรรมชาติ แต่หากไม่ได้ผลคงต้องอาศัยยาคุมจิตที่ต้องสั่งโดยจิตแพทย์เพราะเป็นยาในกลุ่มที่ปรับสารเคมีในสมองทำให้เกิดการง่วงนอนได้

       หากต้องการหยุดผลลัพธ์ของอาการเสพติดกินดึกอย่างได้ผล
       อาจต้องใช้วิธีผ่าตัดไขมันส่วนเกินออกหรือทำการส่องกล้องเข้าไปเพื่อใช้ยางรัดกระเพาะ (Gastric Banding) ให้เล็กลง วิธีที่กล่าวมาเป็นเพียงตัวช่วยเท่านั้น สิ่งสำคัญที่จะช่วยรักษาอาการติดกินดึกได้คือการปรับพฤติกรรมการกินโดยเลิกกินอาหารมื้อดึกเป็นวิธีที่ดีที่สุดเพราะยังไงเสีย "ตนก็ยังเป็นที่พึ่งแห่งตน" เสมอ

สาเหตุของโรคอ้วน

สาเหตุโรค

๐ ฮอร์โมนผิดปกติ ไม่สมดุลคือระดับ melatonin, leptin and serotonin ต่ำไป มีผลรบกวนการนอนหลับและตื่น จะไปมีผลต่อ พฤติกรรมการทาน

๐ เครียดมากเกินไป ทั้งที่บ้านและที่ทำงาน

๐ ซึมเศร้าและวิตกกังวล ทำให้เราจะหันไป(อยาก)ทานอาหารที่มีแป้งเยอะ ซึ่งมันทำให้ระดับ serotoninไปที่สมอง สูงขึ้น และช่วยให้หลับได้

๐ ติดการทานอาหารทานไปเรื่อยๆจนนอน


7 ปัญหาที่มากับการกินดึก

 1) เสี่ยงโรคอ้วน 
   ขึ้นอยู่กับอาหารที่รับประทานด้วย โดยเฉพาะอาหารที่ พลังงานสูงแต่ คุณค่าต่ำยิ่งกินดึกบ่อยยิ่งมีโอกาสอวบได้ง่าย เพราะมื้อดึกเป็นส่วนหนึ่งที่เพิ่มพุงได้ง่ายจากการนอนนิ่งๆ ซึ่งการกินอาหารมื้อดึกติดๆ กันหลายคืนอาจทำให้รูปร่างคนเปลี่ยนไปได้อย่างไม่รู้ตัว ที่น่ากลัวคือ เมื่ออ้วนแล้วจะเรียกโรคมาเร็วมาก

2) นอนไม่หลับ 
   การเปิดทางให้กระเพาะอาหารทำงานย่อยในตอนกลางคืนจะทำให้ท่านมีปัญหาตอนนอนได้ ในขณะที่กระเพาะบีบตัวเพื่อจัดการกับอาหารนั้น อาจทำให้การนอนของท่านสะดุดได้
   อย่างแรกง่ายๆ คือ อาการอึดอัดไม่สบาย จนกลายเป็นอาการที่ ปลุกท่านขึ้นมากลางดึกได้


3) กรดไหลย้อน 
   อาหารเรียกน้ำย่อยมื้อดึกเป็นการฝึกให้กระเพาะและระบบทางเดินอาหารทำงานผิดเวลาโดยไม่จำเป็นครับ โดยกลไกสำคัญก็คือ การรับประทานอาหารจนอิ่มเต็มพุงแล้ว เอนหลังนอนทันที กรณีนี้จะยิ่งทำให้กรดน้ำย่อยที่ชุ่มฉ่ำในกระเพาะไหลย้อนมาเผื่อแผ่ถึงแอเรียของหลอดอาหารและสูงกว่า พาให้เกิดอาการแสบร้อน, จุกแน่น และไอได้
       
4) ผลต่อฮอร์โมนสุขภาพ 

   โดยเฉพาะฮอร์โมนที่ควรทราบคือ โกร๊ทฮอร์โมนและ ฮอร์โมนนิทรา(เมลาโทนิน)โดยทั้ง 2 ฮอร์โมนนี้เป็นพระเอก-นางเอกสำคัญที่ไม่ได้ช่วยนอนอย่างเดียวแต่เกี่ยวกับภูมิคุ้มกันและสุขภาพโดยรวม ซึ่งการกินดึกบ่อยๆ จะมีผล รบกวนความอยู่ดีมีสุขของร่างกายได้

5) โรคเก่ากำเริบ  
   โดยเฉพาะโรคน่าห่วงอย่าง เบาหวาน, ความดันสูง,ไขมัน,โรคหัวใจ และโรคไต เพราะการได้พลังงานเกินจำเป็นในมื้อดึกไปทำให้ร่างกายไม่ได้พักผ่อน และต้องคอยปรับตัวรับมือ
   อย่างอาหารหวานก็ทำให้น้ำตาลขึ้น และคุมยากในคนที่เป็นเบาหวาน นอกจากนั้นอาหารมันและเค็มก็มีผลต่อโรคอื่นๆ ดังที่กล่าวมา


6) ติดนิสัย 
   การกินดึกติดกันไปนานๆ จะทำให้ชินจนกลายเป็นนิสัยที่ตื่นเช้ามาไม่อยากกินอาหารเช้า เพราะยังอิ่มอืดเป็นงูหลามจากเมื่อคืน ทำให้อดอาหารเช้าจนชิน แล้วไปหิวเอาตอนบ่ายยืดเวลาไปถึงเย็น จนทำให้ไปกินหนักเอาช่วงค่ำคืนอีกจนติดเป็นกิจวัตร
       7) เพิ่มความเสี่ยงโรค 

   อย่างโรคที่เกี่ยวกับความอ้วน เมตาโบลิกซินโดรม (อ้วนลงพุงมฤตยู), หยุดหายใจตอนหลับ,ไขมันสูง, หัวใจทำงานหนัก ไปจนถึงโรคที่เกี่ยวกับภูมิคุ้มกันอย่าง โรคภูมิแพ้ที่เสี่ยงกำเริบได้จากการไม่ได้พักผ่อนเต็มที่เพราะอดนอนจากการหลับไม่สนิท

ทั้งหมดนี้เป็นเหตุผลที่ทำให้การนอนดึกและกินดึกเป็นข้าศึกต่อสุขภาพ ซึ่งทางแก้นั้นมีหลักๆ อยู่ที่การแก้ที่ต้นเหตุ เช่นถ้าเป็นเรื่องจิตใจก็ต้องหาทางแก้ให้ได้ แล้วร่วมด้วยการรับประทานเป็นเวลาในช่วงกลางวัน เช่นไม่อดมื้อสำคัญอย่างอาหารเช้า, เข้านอนให้เป็นเวลา และอย่าปล่อยให้ท้องว่างติดกันนานเกิน 5 ชั่วโมง
      
       
ซึ่งเรื่องนี้ผู้เชี่ยวชาญโรคอ้วนจากศูนย์วิจัยโภชนาการมหาวิทยาลัยทัฟต์ยืนยันว่า การกินดึกกลางคืนทำให้มีแนวโน้มที่จะ อดอาหารเช้าซึ่งกระทบต่อการกินและสุขภาพต่อเนื่องไปทั้งวัน
      
       แต่หากจำเป็นต้องกินดึกเพราะงานจริงๆ ก็มีหลักในการเลือกรับประทานง่ายๆ อยู่ 2 ข้อคือให้เลือก แคลอรีต่ำ(Low calorie)” แต่ ประโยชน์สูง(High nutrition)” ได้แก่ผักผลไม้หรือเครื่องดื่มที่ไม่หวาน ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะร่วมกันทำให้การติดกินดึกค่อยๆ หายไปในที่สุด

4 วิธีแก้หิวรอบดึก

หลายคนมีกิจกรรมให้ทำมากมาย จึงเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องนอนดึก และเกิดอาการ หิวรอบดึกตามมา
แต่อย่างที่รู้ว่าช่วงดึกไม่เหมาะจะกินอะไรหนักท้อง เพราะถึงจะดึกแค่ไหน ไม่นานก็ต้องนอนแล้ว การกินมื้อดึกจึงยิ่งเพิ่มภาระให้กระเพาะอาหารต้องทำงานต่อเนื่องไม่ได้หยุดพักอีกด้วย เพื่อขจัดปัญหาหิวรอบดึกด้วย 4 วิธีต่อไปนี้
1. กินอาหารที่มีไฟเบอร์ในมื้อเย็น
   อาหารไฟเบอร์สูงที่แนะนำก็ได้แก่ อาหารประเภทคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน จำพวกแป้งไม่ขัดสี ผักที่มีไฟเบอร์มากๆ เพราะจะทำให้รู้สึกอิ่มอยู่ท้องได้นาน และถ้าเป็นคนติดกินโปรตีน แนะนำให้กินโปรตีนจากปลา หรือเต้าหู้แทนโปรตีนชนิดอื่นนะคะ ก็ช่วยแก้ปัญหาหิวรอบดึกได้

2. ดื่มน้ำมากๆ
   คำว่า มากในที่นี้หมายถึง มากกว่าปกติหน่อย ตัวอย่างเช่น หากเราเป็นคนหิวรอบดึกบ่อยๆ หรือรู้ตัวว่าคืนนี้ต้องนอนดึกและเสี่ยงต่อการหิวรอบดึกได้ หลังมื้อเย็นย่อยแล้วก็ดื่มน้ำไปเรื่อยๆ จากดื่มน้ำหลังอาหารเย็น ให้ดื่มน้ำเรื่อยๆ เพราะจะทำให้ร่างกายรู้สึกอิ่มได้

3. พยายามอยู่ให้ห่างตู้เย็นและครัว
   อย่าใจอ่อน ไม่เปิดตู้เย็นหยิบอะไรมากิน ให้หันเหความสนใจไปทำสิ่งอื่น เช่น ทำงาน ไปด้วยฟังเพลงไปด้วย หรือพักไปอาบน้ำให้สดชื่น

4. ดื่มชาอุ่นๆ ทุกชนิด

   ที่ดีที่สุดคือชาเขียว ไม่เติมน้ำตาล ไม่เติมนม เพราะชาเขียวจะทำให้รู้สึกสงบ ยิ่งไปกว่านั้นยังช่วยให้กระเพาะอาหารได้ย่อยอาหารเล็กๆ น้อยๆ ทำให้หายหิวได้ ทางที่ดีควรจัดสรรเวลานอนและเวลาทำงานให้เหมาะสมจะดีกว่า

ซุปมิโซะ อาหารแนะนำสำหรับมื้อดึก



ส่วนผสมและสัดส่วน
1. เต้าหู้ไข่ 1 หลอด
2.
มิโซะ (เต้าเจี้ยวญี่ปุน) 1 ช้อนโต๊ะ
3.
น้ำเปล่า 2 ถ้วยตวง
4.
หัวหอมใหญ่ 1/2 หัว
5. ต้นหอมซอย 2 ช้อนโต๊ะ

  วิธีปรุง
1. ต้มน้ำให้เดือด ใส่มิโซะลงไปละลายในน้ำ
2.
หั่นหัวหอมใหญ่เป็นสี่เหลี่ยมใส่ตามไป
3.
พอหัวหอมเริ่มสุก ใส่เต้าหู้ไข่หั่นเป็นสี่เหลี่ยมเช่นกัน
4.
ต้มจนหัวหอมสุก ใส ตักใส่ชาม โรยด้วยต้นหอมซอย


  เคล็ดลับน่ารู้
 " มิโซะ" ได้มาจากการแปรรูปอย่างหนึ่งของถั่วเหลืองโดยใช้วิธีการหมัก ทำให้สามารถเก็บไว้ได้นานและคุณค่าทางอาหารไม่เปลี่ยน มีคุณค่าทางโภชนาการและโปรตีนสูง มีรสชาติคล้ายสารสกัดจากเนื้อสัตว์ จึงใช้เป็นเครื่องปรุงอาหารสำหรับคนที่หลีกเลี่ยงเนื้อสัตว์เป็นอย่างดี "มิโซะ" อุดมไปด้วยกรดอะมิโนที่ร่างกายต้องการถึง 17 ชนิด มีสารชูรสและกลิ่นหอม สารที่ว่านี้ เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติในระหว่างการหมัก ซึ่งมีประโยชน์ต่อร่างกายและไม่ก่อให้เกิดอันตรายแต่อย่างใด ซึ่งนอกจากจะทำให้อาหารได้รสชาติดีขึ้นแล้ว ยังเป็นการเพิ่มโปรตีนในอาหารอีกด้วย

10 เคล็ดลับ นอนหลับปุ๋ย

ทำยังไงก็นอนไม่หลับ 197… 198… 199…. 200 นับแกะจนหมดฝูง แต่สำหรับคุณ ราตรีนี้ยังอีกยาว...วว เอาไงดีน้อออ
          
            หลายคนไม่รู้ว่า การนอนไม่หลับส่งผลเสียร้ายแรงกว่าที่คิด ถ้านอนไม่หลับบ่อย ๆ ติดต่อกันหลายสัปดาห์ อาจกลายเป็นอาการเรื้อรัง ส่งผลต่ออารมณ์ ความจำ การตื่นตัวของร่างกาย ทำให้อ่อนเพลีย ไร้เรี่ยวแรง รวมไปถึงแก่เร็วด้วย
         คราวหน้าถ้าไม่อยากเป็นมนุษย์ค้างคาวเบิกตาโพลงทั้งคืน ไม่ต้องเสียเวลานอนนับแกะ หรือพึ่งยานอนหลับขนานไหน มาดูหยิบ 10 เคล็ดลับง่าย ๆ จากนิตยสาร Modern Mom ที่จะช่วยให้นอนหลับสบายกัน


วิธีกินมื้อเย็นไม่ให้อ้วน

            การอดอาหาร คือ การลดน้ำหนักแบบผิด ๆ แต่มื้อเย็นก็เป็นมื้อที่สาว ๆ กลัวอ้วนกันที่สุด แบบนี้ต้องอ่านเทคนิคการกินมื้อเย็นที่นำมาฝากกันเลย

          มีประโยคหนึ่งกล่าวไว้ว่า "เช้าทานอย่างราชา กลางวันทานอย่างคนธรรมดา เย็นทานอย่างยาจก" นั่นก็เพราะว่าเราต้องให้ความสำคัญกับอาหารมื้อเช้ามากเป็นพิเศษ ส่วนอาหารเย็นนั้นควรรับประทานแต่พอดี ไม่หนักมากนัก เพราะเป็นช่วงเวลาที่ร่างกายต้องการการพักผ่อนแล้วนั่นเองครั้งนี้เรามาทำความเข้าใจถึงความจำเป็นของอาหารเย็นต่อร่างกายว่ามีมากน้อยเพียงใด และหลักที่ถูกต้องในการทานอาหารเย็นว่าเราจะทานอย่างไรให้มีสุขภาพที่ดีไปนาน ๆ
1. ไม่ควรงดอาหารมื้อเย็น

          สาว ๆ หลายท่านชอบลดน้ำหนักด้วยวิธีการงดอาหารเย็น ซึ่งไม่ควรค่ะ นอกจากจะหิวแล้ว ยังไม่ทำให้น้ำหนักลดเท่าไร เนื่องจากเมื่อถึงเวลาอาหาร โดยปกติร่างกายจะหลั่งกรดออกมาเพื่อทำการย่อยอาหาร ดังนั้น เมื่อไม่มีอาหารในกระเพาะ น้ำย่อยก็จะมาย่อยกระเพาะแทน เราจึงควรลดมากกว่างด 

          เลือกทานอาหารเบา ๆ หรืออาหารที่ให้พลังงานน้อยที่สุด อย่างเช่น เน้นผักและผลไม้ ส่วนเนื้อสัตว์ติดไขมัน ของมัน ๆ ทอด ๆ ควรงดจะดีกว่านะคะและเวลาที่ควรทานคือหกโมงเย็นถึงหนึ่งทุ่ม ไม่ควรทานดึกกว่านี้


2. หลังทานอาหารเย็นไม่ควรออกกำลังกายต่อทันที

          บางท่านกลัวอ้วน หลังทานอาหารเย็นจึงออกกำลังกายทันที ความจริงแล้วเป็นเรื่องที่ไม่ควรนัก ถ้าเราทานอาหารภายในเวลา 1-2 ชั่วโมง แล้วไปออกกำลังกายทันที อาจทำให้เราเกิดอาการจุกได้ ถ้าเป็นไปได้ควรเดินเรื่อย ๆ ไม่ต้องเร่ง เพราะเวลาเราเดินลำไส้จะมีการขยับตัว อาหารก็จะย่อยง่ายและยังเป็นการใช้พลังงานไปในตัวอีกด้วย เป็นแนวทางที่ดีในการปฏิบัติจะได้ไม่อ้วนนะคะ

          
ส่วนสาว ๆ ที่ต้องการออกกำลังกายหลังเลิกงาน เป็นต้นว่าไปเข้าฟิตเนส จะมีหลักการทานมื้อเย็นอย่างไร ความจริงแล้วถ้าคิดจะออกกำลังกายในช่วงเย็น พอเลิกงานควรทานอาหารเบา ๆ อาหารที่ย่อยง่าย เคี้ยวให้ละเอียด เว้นประมาณ 1-2 ชั่วโมง ก่อนการออกกำลังกาย งดอาหารย่อยยาก เช่น ของมัน ของทอด อาหารที่มีกะทิเหล่านี้จะย่อยยาก

3. หลังอาหารเย็นไม่ควรอาบน้ำในทันที

          เพราะเมื่อเราทานอาหาร ขณะที่อาหารกำลังย่อย กระเพาะต้องทำงาน เลือดต้องถูกไปหล่อเลี้ยงกระเพาะเพื่อช่วยในการย่อย ถ้าเราไปอาบน้ำทันทีหลังอาหาร ซึ่งโดยปกติแล้วมนุษย์เป็นสัตว์เลือดอุ่น เมื่อร่างกายโดนน้ำเย็น ๆ ก็จะทำให้เลือดจำเป็นต้องมาที่บริเวณผิวหนัง เพื่อทำให้ร่างกายอบอุ่น ดังนั้นแล้วเลือดจึงถูกแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ซึ่งแน่นอนว่า มันต้องถูกแบ่งมาที่ผิวหนังก่อนเป็นอันดับแรก ทำให้เลือดส่งไปที่กระเพาะได้น้อย 

          สิ่งที่เกิดขึ้นคือระบบการย่อยทำงานไม่เต็มประสิทธิภาพ ท้องจะอืด แน่นท้อง จุก จึงควรเว้นอย่างน้อยที่สุด 30 นาที และทางที่ดีที่สุดต้องประมาณ 1 ชั่วโมง สำหรับอาหารที่ย่อยง่าย และ 2 ชั่วโมง ถ้าเรารับประทานอาหารที่ย่อยยาก
4. หากสาว ๆ ต้องการลดความอ้วนด้วยให้ทานผักหรือผลไม้ในมื้อเย็น

          
ผู้ที่ต้องการลดน้ำหนัก มื้อเย็นอาจทานเป็นผัก ผลไม้ และจะต้องไม่เลือกผลไม้ที่เป็นกรด เพราะขณะท้องว่างร่างกายจะมีกรดมากอยู่แล้ว และเลี่ยงการทานผักหรือผลไม้ดิบขณะท้องว่าง เพราะจะทำให้ท้องอืดได้ แนะนำว่าให้ทานผักสุก เช่น การลวก การต้ม แกงจืด หรือยำที่รสชาติไม่จัดมาก เช่น ยำแตงกวา ยำวุ้นเส้น ที่ไม่เผ็ดหรือเปรี้ยวเกินไป
5. อาหารมื้อเย็นที่ควรหลีกเลี่ยง

          ได้แก่ อาหารที่ย่อยยาก เช่น ของมัน ของทอด เนื้อสัตว์ติดมัน อาหารที่มีคอเลสเตอรอลสูง ถ้าต้องทานควรทานในปริมาณเล็กน้อย และไม่ควรทานอาหารที่เป็นกรดมาก เพราะอาจทำให้เกิดภาวะกรดไหลย้อนหลอดอาหารได้ 

          สำหรับวัยผู้ใหญ่ แนะนำว่าอาหารมื้อเย็นควรเป็นอาหารย่อยง่าย มีโปรตีนสูง มีคาร์โบไฮเดรตบ้าง แต่ไม่ต้องมาก เช่น ข้าว ข้าวซ้อมมือ (จะทำให้อยู่ท้องกว่า) ผักลวก ผักต้ม และต้องคำนึงถึงสารอาหารที่ครบทั้ง 5 หมู่ด้วย

อาหารมื้อดึก กินไม่อ้วน

อาหารยามดึกช่วยลดน้ำหนัก ซึ่งเหตุที่ทานอาหารดึกไม่ใช่สาเหตุใดนอกจาก เมื่อหิวแล้ว อย่างน้อยก็ทำให้เราไม่มีสมาธิ ไม่มีความสุขที่จะทำสิ่งใดๆใช่ไหมล่ะครับ เอาล่ะครับ ขึ้นชื่อว่าอาหารมื้อดึก ต้องกินหลัง3-4ทุ่มไปแล้วแน่นอน ถ้าเราไม่มีสมาธิ หรือปวดท้องควรรับประทานอาหารอะไรดี

เพื่อให้เรามีสมาธิในการทำสิ่งนั้นๆ สามารถรับประทานได้ในปริมาณที่พอเหมาะเพราะมื้อดึก ถ้ารับประทานเยอะเกินไปจะทำให้เก็บอยู่ในรูปไขมันได้เพราะไม่มีการใช้พลังงานมากมาย ฉะนั้นควรกินในปริมาณที่พอเหมาะ 

 

โปรตีนสีขาว (เนื้อปลา, อกไก่, ไข่ขาว, เต้าหู้)

     โปรตีนพวกนี้จะมีไขมันต่ำไม่ทำให้อ้วน และจะช่วยในเรื่องการสร้างเคมีในสมองอย่าง โดพามีน เอพิเนฟริน ที่จำเป็นในการบำรุงสมองของคนที่นอนดึก

 

ถั่วเหลือง ไข่แดง

     ร่างกายต้องการสารเคมีที่ทำงานเชื่อมโยงกันภายในสมองนั่นก็คือ โคลีน ซึ่งโคลีนนี้จะช่วยในเรื่องความจำ ช่วยป้องกันอาการความจำเสื่อม ช่วยให้มีสมาธิดีขึ้น ความจำดีขึ้น นอกจากนั้นในไข่แดงยังมีไบโอตินที่ช่วยบำรุงสมองและเส้นผมอีกด้วย

 

ข้าวกล้องงอก และธัญพืชต่างๆ

     อาหารประเภทนี้ เช่น พืชตระกูลถั่ว ข้าวบาร์เลย์ มอลต์ หรือลูกเดือย จะมี "กาบ้า"สูง ทำให้ตัวสื่อประสาทในสมองทำงานดีขึ้น ความจำก็จะดีขึ้นด้วย

 

ปลา

     สมองต้องการโอเมก้า หรือน้ำมันปลา เพื่อพัฒนาสมองให้มีสุขภาพดี เมนูที่มีน้ำมันปลาสูงและหาทานได้ง่ายๆ เช่น ปลาทู หรือใครอยากจะเลือกทานอาหารเสริมก็ควรเลือกที่ทำมาจากปลาทะเล สังเกตปริมาณของ DHA รวมถึง EPA ที่มีอยู่จริงเทียบต่อปริมาณทั้งหมด ทั้งคู่ต้องมีมากกว่า 20% และในหนึ่งเม็ดควรจะมีสัดส่วนปริมาณของ DHA : EPA เป็น 1:2 หรือ 2:3 ที่เป็นส่วนผสมที่ออกฤทธิ์อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด

 

ช็อคโกแลต

     แนะนำเป็นช็อคโกแลตดำ เพราะในช็อกโกแลตจะมีส่วนผสมของสารที่ช่วยให้เลือดในสมองไม่อุดตัน หากเป็นช็อคโกแลตขาวจะให้พลังงานมากเกินไป

 

สารสกัดจากใบแปะก๊วย

     เพราะใบแปะก๊วยมีสารแอนติออกซิแดนต์ ช่วยต้านอนุมูลอิสระ ป้องกันมะเร็ง ช่วยในเรื่องการไหลเวียนของเลือดที่จะไปเลี้ยงสมอง ช่วยให้ความจำดีขึ้น และยังช่วยยับยั้งความเสื่อมของสมองได้อีกด้วย



วิตามิน B

     คุณสมบัติของวิตามิน B คือ ช่วยในเรื่องระบบประสาท ช่วยลดอาการอ่อนเพลีย และช่วยให้การดูดซึมอาหารดีขึ้น ช่วงไหนที่มีอาการง่วงๆ มึนๆ วิตามิน B ช่วยได้เลย

 

อย่างไรก็ตาม อาหารมื้อดึกไม่อ้วน อาหารยามดึกช่วยลดน้ำหนักในบทความสุขภาพนี้เป็นเพียง ตัวช่วยที่จะช่วยแต่การอดหลับอดนอนนี้ก็ไม่ใช่เรื่องที่ดี เพราะร่างกายของเรามีนาฬิกาธรรมชาติที่บอกการทำงานของอวัยวะส่วนต่างๆ ในร่างกายอยู่ การดูแลตัวเองให้เข้ากับธรรมชาติเป็นทางเลือกที่เหมาะกับการดูแลสุขภาพที่สุด

 




8 โรคร้ายที่มาพร้อมกับความอ้วน


หลายคนๆคงจะชอบผัดวันประกันพรุ่งในการออกกำลังกาย แม้ปากจะบ่นว่า อ้วน อ้วน อ้วน แต่พฤติกรรมกลับตรงกันข้าม กินเยอะ กินของหวาน แถมยังไม่ออกกำลังกายอีกด้วย ยิ่งทำให้เริ่มอ้วนมากขึ้นกว่าเดิมเสียอีก แต่ ความอ้วน ไม่ใช่แค่เรื่องความสวยงามเท่านั้น แต่ยังหมายถึงสุขภาพของเราอีกด้วย เพราะ ความอ้วน จะนำโรคร้ายต่างๆมาสู่เราได้เช่นกัน ไปดูกันดีกว่าว่า ความอ้วน จะพาโรคร้ายอะไรบ้างมาสู่เรา

   1. ไขมันในเลือดสูง ซึ่งนำไปสู่ความผิดปกติของระบบอื่นๆ โดยเฉพาะเมื่อเจ้าเม็ดไขมันไปเกาะตามผนังหลอดเลือด ยิ่งหนามากขึ้นๆ ถนนของเจ้าเลือดก็เดินไม่สะดวกตามไป ก็เลือดต้องไปหล่อเลี้ยงเซลล์ทุกส่วนของร่างกาย และเราก็ขาดเลือดไม่ได้ แน่นอนจะมีปัญหาต่อสุขภาพตามมาอีกมาก ทั้งโรคหัวใจวาย ความดันโลหิตสูง เหนื่อยหอบ มึนงงบ่อยๆ เป็นลม เมื่อเลือดและออกซิเจนไปเลี้ยงร่างกายไม่ดี เซลล์ก็เสื่อมโทรมลง อนุมูลอิสระก็เกิดเร็วขึ้น ทีนี้แหละ แก่เร็วอย่างเห็นได้ชัด

   2. ความดันโลหิตสูง เมื่อไขมันเคลือบผนังหลอดเลือด บางจุดอาจตีบมาก หัวใจมีหน้าที่เหมือนปั๊มน้ำ ก็ต้องขับดันเลือดวิ่งไปให้ทั่วร่างกายทุกซอกทุกมุม เมื่อบางจุดโดนบีบให้แคบ แต่ร่างกายต้องการเลือด มันอาจออกแรงผลักดันเลือด อาจทำให้เส้นเลือดในสมองแตก ถึงแก่ชีวิต หรือพิการเป็นอัมพฤกษ์ อัมพาตได้

3. โรคหัวใจและหลอดเลือด เป็นสาเหตุการตายอันดับหนึ่งของประเทศอุตสาหกรรม รวมทั้งประเทศไทยด้วย เนื่องจากไขมันไปเกาะตามผนังหลอดเลือด ทำให้เกิดภาวะหลอดเลือดตีบหรืออุดตัน หัวใจทำงานเพิ่มมากขึ้น ถ้าเป็นกับเส้นเลือดที่หล่อเลี้ยงหัวใจก็ทำให้เกิดโรคหัวใจขาดเลือด และหัวใจวาย

4. โรคเบาหวาน พบว่าคนไทยเป็นเบาหวานกันประมาณ 3 ล้านคน ลองคิดดูว่าไม่น้อย วันหน้าถ้ายังใช้ชีวิตเผอเรอ มีหวังได้เป็นเบาหวานด้วยอีกคน โรคนี้เป็นเพื่อนคู่ซี้กับโรคอ้วน ที่มักพบควบคู่กันเสมอ เบาหวานนั้นเพราะระบบควบคุมระดับน้ำตาลในร่างกายผิดปกติ เมื่อเป็นเบาหวานแล้ว ถ้าเกิดเป็นแผลก็มักรักษาไม่หาย กลายเป็นแผลเรื้อรัง บางทีก็เป็นแผลกดทับ ประกอบกับเสี่ยงต่อการติดเชื้อราง่ายขึ้น เพราะมีการอับชื้นของซอกแขน และซอกขามากกว่าปกติ



5. โรคข้อกระดูกเสื่อม โดยเฉพาะข้อเข่าและข้อเท้า เนื่องจากต้องรับน้ำหนักตัวมากเกินพิกัด บางคนที่อ้วนมากๆ อาจจะยืนหรือเดินไม่ได้เลย เพราะข้อเท้าไม่สามารถรับน้ำหนักได้ คนอ้วนมากๆ จะเดินก็ลำบาก โยกเยกซ้ายขวา เดินไปเหนื่อยหอบไป



6. โรคระบบทางเดินหายใจ เนื่องจากในคนอ้วนมักมีการเคลื่อนไหวน้อย ชอบนั่งหรือนอน ปอดจึงขยายตัวไม่เต็มที่ ทำให้เกิดการติดเชื้อของทางเดินหายใจได้มากขึ้น บางครั้งถึงกับมีภาวะการหายใจลดลง หายใจติดขัด ทำให้มีก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์คั่งในปอด คนอ้วนมากเหนื่อยง่าย ง่วงนอนตลอดเวลา อาจพบภาวะของโรคอารมณ์เศร้าหมองร่วมไปด้วยก็กิน ซึ่งอาจจะช่วยให้อารมณ์ช่วงนั้นดีขึ้น แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นการทำร้ายตัวเองมากยิ่งขึ้น

7. โรคมะเร็งบางชนิด คนอ้วนมีอัตราการเสี่ยงต่อการเป็นโรคต่างๆ รวมทั้งโรคมะเร็งได้

8. โรคนิ่วในถุงน้ำดี และไขมันแทรกในตับ เมื่อมีไขมันมาก การทำงานของตับก็ลดลง เพราะไขมันเข้าไปแทรกอยู่ จนทำให้เกิดนิ่วในถุงน้ำดี